9 พ.ย. 2551


วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
Sunday 9 November 2008

น้องรู้สึกเหนื่อยมากตั้งแต่เช้า แต่ว่าวันนี้น้องมีนัดกับแพทย์คีโมที่โรงพยาบาลเอกชน น้องจึงรีบเข้าไปพบแพทย์คีโม เมื่อเข้าไปถึงน้องก็ถูกเจาะเลือดตรวจเหมือนปกติ รออยู่ประมาณชั่วโมงกว่าน้องก็ได้เข้าไปพบแพทย์คีโม ซึ่งวันนี้เม็ดเลือดของน้องเริ่มผิดปกติ เพราะตัวเลขส่วนใหญ่จะสูงมากเกินกว่าปกติ แต่แพทย์คีโมก็ไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับตัวเลข และเพียงถามว่าให้ยาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หลังจากที่แจ้งแพทย์คีโม เราก็มีบอกแพทย์คีโมไปว่า ระยะหลังนี้น้องเหนื่อยง่ายมากๆ น้องไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอะไรมากนัก ส่วนใหญ่น้องจะนั่งอยู่กับที่มากกว่าแล้ว เมื่อแพทย์คีโมฟังที่แจ้งไปก็บอกให้ไปหาแพทย์ทางปอดที่เป็นญาติที่โรงพยาบาลในย่านพญาไทเดี๋ยวนี้เลย เราก็ถามแพทย์คีโมว่าน้องจะต้องเอกซเรย์ก่อนไปหรือไม่ แพทย์คีโมบอกแต่เพียงว่าให้ไปให้แพทย์ทางปอดที่เป็นญาติจัดการที่นั่น แล้วแพทย์ทางปอดที่เป็นญาติจะบอกเองว่าจะต้องทำอะไร

พวกเรารีบออกเดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนอีกที่ทันที เพราะว่าวันนี้แพทย์ทางปอดที่เป็นญาติจะเข้าเวรถึงเพียงแค่บ่ายโมง และตอนนั้นก็ใกล้เวลามากแล้ว ในสายตาของเราที่เห็นน้องนั้น เรารู้สึกว่าน้องปกติดีทุกๆ อย่าง ไม่มีอาการเหมือนคนป่วยเลย มีแต่เพียงว่าถ้าให้น้องทำกิจกรรมอะไรเพิ่ม น้องจะเหนื่อยง่ายมาก ดังนั้นเพียงแต่ต้องให้เวลาน้องพักตลอด ไม่ให้เดินไกลๆ นานๆ

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเอกชนย่านพญาไทที่แพทย์ทางปอดที่เป็นญาติประจำอยู่ พยาบาลแจ้งว่าแพทย์ไปออกตรวจอยู่ เดี๋ยวใกล้จะกลับมาแล้ว น้องนั่งรอที่หน้าห้องตามปกติ แต่ว่าพยาบาลเข้ามาขอวัดชีพจรเพื่อดูออกซิเจนในเลือดและดูการเต้นของหัวใจ พยาบาลทั้งสองคนก็ตกใจและแจ้งเราเพียงแต่ว่าต้องรีบพาน้องเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินเดี๋ยวนี้ ซึ่งเรากับน้องต่างก็ยังงงๆ กันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น พยาบาลจึงอธิบายว่าชีพจรน้องเต้นเร็วเกินคนปกติมากเกินไปมาก และออกซิเจนในเลือดของน้องก็ไม่ดี พยาบาลอยากให้น้องเข้าไปรอแพทย์ทางปอดที่เป็นญาติที่ห้องฉุกเฉิน และพยาบาลจะรีบตามแพทย์ทางปอดที่เป็นญาติให้เข้าไปตรวจที่ห้องฉุกเฉิน

พวกเราเลยต้องยอมให้พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นน้องเข้าไปรอที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลรีบเอาสายออกซิเจนมาให้น้องใส่ที่จมูกและขอวัดไข้ พอน้องชายและน้องสาวอีกสองคนไปจอดรถกลับมาหาพวกเราไม่เจอก็แปลกใจ และน้องๆ ยิ่งงงกันมากขึ้นหลังจากที่เราบอกน้องว่าน้องสาวอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน ทุกคนแปลกใจมากๆ เพราะว่าที่พยาบาลบอกว่าน้องมีอาการผิดปกติจากการตรวจวัด แต่ในสายตาของพวกเรานั้น น้องสาวดูปกติมากๆ

แพทย์ทางปอดที่เป็นญาติเข้ามาดูน้องที่ห้องฉุกเฉิน แพทย์ก็สั่งให้พยาบาลเตรียมเอกซเรย์น้องและให้เจาะเลือดตรวจอีกครั้ง จริงๆ แล้วเราก็ขอให้ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่ไปเมื่อเช้าส่งผลมาให้ แต่ก็ยังไม่มีใครส่งผลเลือดอะไรมาให้เลย ดังนั้นแพทย์ที่เป็นญาติก็ให้ตรวจอย่างละเอียดเพิ่ม

ช่วงที่รอการเอกซเรย์นั้น แพทย์ที่เป็นญาติก็เพียงเข้ามาบอกว่าที่บ้านมีเครื่องออกซิเจนหรือไม่ พวกเรายิ่งแปลกใจกันไปใหญ่ว่าทำไมจะต้องมีเครื่องนั้นด้วย แพทย์ที่เป็นญาติก็ไม่ได้บอกอะไรมาก เพราะไม่อยากตัดกำลังใจของน้อง จึงบอกเพียงว่าวันนี้น่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนหนึ่งคืน ฟังๆ ดูแล้วก็ไม่น่ากลัว แต่น้องและเราก็ยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราจึงพยายามอยู่เคียงข้างน้องตลอดเวลา ระหว่างที่รอผลเอกซเรย์ออกมา พยาบาลก็เข้ามาช่วยเปลี่ยนชุดเป็นคนไข้พักฟื้นที่โรงพยาบาลให้น้อง เราก็มานั่งคุยเล่นกับน้องในห้องฉุกเฉิน จนผลเอกซเรย์ออกมา แพทย์ที่เป็นญาติก็เรียกเราออกไปชี้ฟิล์มเอกซเรย์ให้ดูว่าน้องเหนื่อยง่าย เพราะว่าปอดข้างขวาของน้องแฟบไป ส่วนปอดซ้ายของน้องก็มีน้ำท่วมอยู่บ้าง แต่ยังไงๆ เดี๋ยวแพทย์ที่เป็นญาติจะให้น้องไปเอกซเรย์ด้านข้างเพิ่มเพื่อดูปริมาณของน้ำอีกครั้ง

เมื่อเรากลับมา น้องซึ่งก็ยังสงสัยว่าแพทย์ที่เป็นญาตินั้นเรียกเราออกไปพูดเรื่องอะไร เราก็เล่าให้น้องฟังว่าแพทย์ที่เป็นญาติบอกว่าปอดขวาน้องแฟบ และปอดซ้ายก็มีน้ำนิดหน่อย แต่ไม่รู้มีมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นเดี๋ยวน้องจะต้องไปเอกซเรย์ด้านข้างเพิ่มเพื่อดูปริมาณน้ำ หลังจากที่ฟังๆ เราพูด ภายนอกน้องก็ดูไม่ได้มีอะไรมาก แต่เรารู้ว่าเบื้องลึกในใจของน้องๆ เริ่มหวั่นใจและกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว

ในที่สุดเราก็ต้องให้น้องรออยู่คนเดียวสักพักนึงจนได้ เพราะกฎของโรงพยาบาลนี้คือ ทางโรงพยาบาลจะให้คนไข้หรือญาติคนไข้เข้าไปเซ็นชื่อรับสภาพหนี้ก่อนที่จะเข้าพักที่โรงพยาบาล พร้อมกับเข้าไปเลือกห้องที่นั่นด้วย หลังจากที่เราเลือกห้องและเซ็นชื่อรับสภาพเรียบร้อย เราก็รีบวิ่งไปหาน้อง เพื่อไปพาน้องขึ้นไปพักที่ห้อง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินมา เพื่อจะมาเปิดเส้นให้น้องก่อนขึ้นห้อง ซึ่งน้องก็กำลังบอกพยาบาลว่าขึ้นไปเปิดที่ห้องพักก็ได้ พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินไม่ยอมและบอกว่าจะให้เปิดที่ห้องฉุกเฉิน เมื่อพยาบาลหยิบเข็มขึ้นมา แต่เป็นเพราะความช่ำชองที่จะต้องเปิดเส้นบ่อยของพวกเรา เราจึงถามพยาบาลไปว่าเข็มเบอร์อะไรคะ พยาบาลบอกว่าเข็มเบอร์ยี่สิบสองค่ะ เราจึงต้องขอให้พยาบาลเปลี่ยนเป็นเบอร์ยี่สิบสี่ เพราะว่าเส้นเลือดของน้องเล็กมากๆ เนื่องจากคีโมมานาน จึงทำให้เส้นเสียไปหลายเส้นแล้ว เมื่อพยาบาลควานหาอยู่นานก็ได้เบอร์ยี่สิบสี่ขึ้นมาหนึ่งเข็ม พวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจสร้างความลำบากใจให้กับพยาบาล เพราะพวกเราเข้าใจดีว่าปกติที่ห้องฉุกเฉินไม่ได้ใช้เข็มเบอร์นี้ แต่เพราะว่าถ้าพยาบาลใช้เข็มเบอร์ใหญ่จิ้มเข้าไป พยาบาลอาจจะต้องคว้านไปคว้านมาเพราะว่าเส้นเลือดน้องเล็กมากๆ แล้ว

เหตุการณ์เดิมๆ ก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เมื่อน้องบอกพยาบาลว่าเส้นนั้นเสียไปแล้ว พยาบาลก็ยังมีความมุมานะจิ้มเข้าไปอีกจนได้ เมื่อคว้านซ้าย คว้านขวา ก็ลองจิ้มให้ลึกอีกนิด ซ้ายที ขวาที ก็เริ่มรู้แล้วว่าที่พวกเราบอกนั่นคือเรื่องจริง พยาบาลก็หันมาขอเจาะเพิ่ม น้องก็บอกพยาบาลด้วยความหวังดีว่า ให้น้องขึ้นไปเปิดเส้นที่บนห้องพักเถอะ เพราะว่าน้องก็เข้าใจถึงจิตใจคนเจาะดีว่า เมื่อเจาะไม่ได้ก็ยิ่งเกร็งกันมากขึ้น เนื่องจากน้องมีประสบการณ์ด้านนี้มากหลายเดือนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเจาะเลือดไปตรวจที่ปลายนิ้วหรือเจาะไปตรวจจากเส้นโดยตรง แต่พยาบาลที่ห้องฉุกเฉินก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “เจาะอีกครั้งค่ะ” เมื่อเจาะลงไปก็ไม่ได้เข้าเส้นอีก นอกจากจะไม่ได้เข้าเส้นแล้ว ที่แขนน้องก็มีรอยช้ำขึ้นมาด้วย เป็นอันว่าพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินคนนี้ต้องยอมรับสภาพว่าเจาะไม่ได้จริงๆ และเข็มเบอร์ยี่สิบสี่ก็หมดแล้ว น้องและเราจึงได้ขึ้นไปบนห้องพักฟื้น เพื่อไปรอพยาบาลคนอื่นมาเจาะให้ที่ห้องแทน

เมื่อขึ้นห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็นั่งรออยู่พักเดียว พยาบาลอีกท่านที่ดูว่าจะเป็นมือโปรก็เข้ามาที่ห้องพักของน้องพร้อมกับกล่องใหญ่ๆ หนึ่งกล่องเพื่อเข้ามาขอเปิดเส้น เมื่อน้องยื่นแขนให้ พยาบาลมือโปรนี้ก็ทราบทันทีจากการที่เห็นแขนของน้อง พยาบาลมือโปรรีบออกตัวทันทีว่า เห็นแขนคนไข้แบบนี้ยิ่งทำให้พยาบาลที่มาเจาะทีหลังยิ่งเกร็งมากขึ้นไปอีก แต่แล้วท่าทางที่พวกเราเห็นก็ไม่ใช่ของปลอม เพราะว่าพยาบาลมือโปรคนนี้เจาะแล้วสามารถเปิดเส้นให้น้องได้ทันที และน้องไม่ต้องเจ็บตัวฟรี น้องจึงดีใจรีบหันมาบอกทางเราให้รีบจดชื่อพี่พยาบาลคนนี้ไว้ เผื่อว่าถ้าครั้งหน้าจะต้องเปิดเส้น จะได้มีพยาบาลที่ช่วยไม่ให้น้องเจ็บตัวฟรี พี่พยาบาลก็ยิ้มให้น้องใหญ่ จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจจิตใจคนไข้ในเรื่องแบบนี้บ้าง โดยเฉพาะคนป่วยโรคมะเร็งที่ผ่านการคีโมมาแล้ว

หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยพยาบาลที่วอร์ดก็มาตามน้องลงไปเอกซเรย์ปอดด้านข้างเพิ่มที่ข้างล่าง พวกเราจึงพากันลงไปข้างล่างอยู่สักพัก เมื่อเสร็จแล้วพวกเราก็กลับขึ้นมาฟังผลที่ห้องพักฟื้นกัน ประมาณบ่ายสามทุกๆ คนในครอบครัวก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นกำลังใจให้น้องหมดแล้ว

ใครจะเชื่อว่าน้องป่วยนั้นคงยากมาก เพราะทุกครั้งก็จะเห็นน้องดูปกติมากๆ หน้าตาก็ยังสดใสเหมือนเดิม อารมณ์ขันของน้องก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย แพทย์ที่เป็นญาติเข้ามาบอกว่า ตกลงน้องมีน้ำที่ปอดจริงๆ หลังจากที่เอกซเรย์ดูที่ด้านข้างจะเห็นว่าน้ำไปเอียงไปอยู่ที่ด้านข้างของปอด พรุ่งนี้แพทย์จะลองดูอีกทีและอาจจะเจาะปอดให้หรือไม่ต้องรอดูกันอีกครั้ง

พวกเราทั้งครอบครัวก็นั่งคุยและหัวเราะกันอยู่ที่นั่นจนดึก และทุกคนก็พากันกลับ เหลือเพียงแต่น้องสาวอีกคนที่อยู่ประจำกับพวกเราทุกครั้งที่ต้องอยู่โรงพยาบาลและเราที่นอนที่โรงพยาบาลเพื่อคอยดูน้องที่ป่วย

ผลการตรวจเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์
(Complete Blood Count: CBC)

HCT/HB - 33.1/11.6
WBC - 17,100
Neutrophil - 75
Lymphocyte - 17
Monocyte - 7
Platelets - 502,000

แสดงความคิดเห็น

Filtered HTML

  • To post pieces of code, surround them with <code>...</code> tags. For PHP code, you can use <?php ... ?>, which will also colour it based on syntax.
  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • You may quote other posts using [quote] tags.
  • Allowed HTML tags: <a> <em> <strong> <cite> <blockquote> <code> <ul> <ol> <li> <dl> <dt> <dd>
  • Lines and paragraphs break automatically.

Comment Input

  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • Allowed HTML tags: <a> <em> <strong> <cite> <code> <ul> <ol> <li> <dl> <dt> <dd> <p> <img> <center> <font> <u> <br/>
  • Lines and paragraphs break automatically.

Plain text

  • No HTML tags allowed.
  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • Lines and paragraphs break automatically.