4 ธ.ค. 2551 - เมื่อแพทย์คีโมพูดว่า "ปอดน้องคุณมันไม่ดีแล้ว" เพื่อปกป้องพวกเดียวกัน


วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2551
Thursday 4 December 2008

เช้านี้เป็นเช้าที่แพทย์คีโมสร้างความหนักใจให้น้องอีกเช่นเคย น้องดูเพลียมากเนื่องจากเครื่องช่วยหายใจร้องทั้งคืน และแพทย์คีโมพูดออกมาว่า วันนี้น้องจะต้องเติมเลือดแดงและน้องจะต้องย้ายลงไปอยู่ที่ห้อง ICU ห้ามอยู่ที่ห้องพักฟื้นปกติแล้ว และแพทย์คีโมก็ออกไป โดยที่บังคับให้เราตามไปคุยที่วอร์ด เราจึงให้น้องสาวอีกคนดูน้องไปก่อน

เมื่อไปถึงที่วอร์ด แพทย์คีโมบอกว่า น้องต้องย้ายลงไปอยู่ที่ห้อง ICU ในวันนี้ และเรื่องที่ฝากคุณแม่ถามว่าจะใส่ท่อหรือไม่ ตกลงกันหรือยัง แพทย์คีโมยังคงพูดต่อว่า น้องคุณดูเหนื่อย เราจึงตอบกลับไปว่าเครื่องช่วยหายใจร้องทั้งคืนเลย และเรากำลังจะอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อคืนน้องทานยาคลายเครียดสองเม็ด แต่น้องยังไม่ได้หลับเลย ขนาดคนปกติโดนยาสองเม็ดยังเพลียเลย และนี่ไม่ได้นอนจะไม่ให้เพลียได้อย่างไร และพยาบาลใช้เครื่องก็ไม่เป็น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรหลังจากเครื่องช่วยหายใจมันร้อง แพทย์คีโมก็พูดกลับมาทันทีว่า “ปอดน้องคุณมันไม่ดีแล้ว” ประโยคเดียวที่ทำให้เราไม่อยากอธิบายอะไรเพิ่มเติม และไม่อยากพูดกับแพทย์คีโมอีก เราจึงเงียบและเดินกลับมาที่ห้อง หลังจากที่แพทย์คีโมบ่น โดยไม่ฟังอะไรเลย

หลังจากที่เดินมาถึงห้อง น้องสาวถามทันทีว่า น้องต้องย้ายลงไปที่ห้อง ICU หรือ เราจึงบอกว่า เราได้ยินว่าแพทย์คีโมพูดไว้ว่าแบบนั้น เพราะเราอ่านความรู้สึกของน้องออก เราจึงบอกน้องว่าเดี๋ยวค่อยคิดดีกว่าว่าจะย้ายหรือไม่ แต่เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือ น้องจะต้องพักผ่อนมากๆ เผื่อว่าดีขึ้นและจะได้ไม่ต้องย้ายลงไป น้องเห็นด้วยน้องจึงทานอาหารเช้า และทานยาในรอบเช้า ซึ่งมียาคลายเครียดอีกหนึ่งเม็ด เรายังสงสัยว่า สองเม็ดเมื่อคืนยังไม่ได้นอน และเช้านี้เติมเข้าไปอีกเม็ดร่างกายของน้องจะไหวหรือเปล่า

แพทย์ทางหัวใจขึ้นมาเยี่ยมสอบถามน้องเรื่องเครื่องเป็นอย่างไรบ้าง และแพทย์ทางหัวใจก็เช็คเครื่องดูอยู่พักหนึ่งและก็บอกว่าน่าจะดูโอเค เมื่อแพทย์ทางหัวใจออกไปแล้ว หัวหน้าพยาบาลของวอร์ดเข้ามาดูเครื่องช่วยหายใจน้อง เราจึงถามไปว่า ที่เครื่องร้องในบางครั้งนั้นเพราะอะไร หัวหน้าพยาบาลบอกว่ามีอยู่หลายสาเหตุ แต่ที่สังเกตุในกรณีนี้ หน้ากากมันใหญ่เกินและอาจจะไปขยับโดน อากาศที่อัดลงไปจึงรั่ว เครื่องก็จะร้องออกมา นั่นคือคำตอบที่พวกเราหากันมาทั้งคืน โดยที่พยาบาลรอบดึกนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรเครื่องถึงร้อง และเมื่อน้องขยับตัว หน้ากากที่หลวมก็จะขยับออก เพราะเรามีขอหน้ากากเล็กลงกับหัวหน้าพยาบาลเมื่อวานแล้ว แต่เพราะว่าโรงพยาบาลมีหน้ากากอยู่แค่สองขนาด คือ ขนาดใหญ่ของผู้ใหญ่ และขนาดกลางของเด็ก ซึ่งน้องสาวจัดเป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่ก็ไม่ได้เล็กขนาดแบบเด็กๆ ดังนั้นหน้ากากทั้งสองขนาดไม่เหมาะกับน้อง และอีกทั้งเครื่องวัดที่มีการเช็คการเต้นหัวใจ ออกซิเจนในเลือดและความดันของน้องที่พยาบาลหันมาพูดกันว่า ไม่รู้ว่าจะหาได้หรือไม่ เราได้ยินบ่นว่าที่วอร์ดนั้นไม่มี คงต้องไปขอยืมจากวอร์ดอื่น ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าวอร์ดอื่นจะมีให้ยืมหรือไม่ พยาบาลได้แต่รับปากแพทย์ว่าจะไปหาเครื่องวัดมาให้ โดยที่ไม่รู้ว่ามีหรือไม่ จากเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจว่าการที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนราคาแพงสูงลิ่วที่ทุกคนกลัว แต่โรงพยาบาลเหล่านั้นอาจจะมีอุปกรณ์เครื่องมือที่พร้อมมากกว่า เช่นในกรณีของน้อง หน้ากากทั้งสองขนาดนั้นไม่สามารถที่จะตรงกับขนาดหน้าของน้องได้เลย และเครื่องวัดการเต้นของหัวใจนั้นก็สำคัญมาก ทุกครั้งที่วัดการเต้นหัวใจของน้องที่โรงพยาบาลเอกชนย่านพระรามหกแห่งนี้ พยาบาลต้องมาขอยืมเครื่องของน้องที่พกติดตัวประจำ โดยที่พยาบาลให้เหตุผลว่า จะต้องไปขอยืมไกล จึงมาขออนุญาติใช้เครื่องที่เราซื้อติดตัวไว้เองทุกครั้ง

ช่วงสายๆ หัวหน้าพยาบาลก็เข็นเครื่องวัดการเต้นหัวใจเครื่องใหญ่มาใส่ที่นิ้วของน้อง และประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า หัวหน้าพยาบาลเข้ามาดูน้องอีกครั้ง น้องยังไม่สามารถหลับได้เลย พร้อมกับยาคลายเครียดที่ทานลงไปหลายเม็ดและไม่ได้พักผ่อนเลย หัวหน้าพยาบาลหันมาบอกเราว่า คงต้องตัดสินใจแล้วว่าจะให้น้องใส่ท่อ ซึ่งน้องได้ยินน้องก็หันมาบอกเราว่าน้องไม่ใส่เด็ดขาด หัวหน้าพยาบาลบอกว่าตัวเลขการเต้นของหัวใจน้องเริ่มผิดปกติ และถ้าไม่ตัดสินใจตอนนี้อาจจะไม่ทันแล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นเรารู้สึกว่า ถ้าเกิดเราเป็นคนเดียวที่ได้อยู่กับน้องและน้องจากไป มันคงไม่ยุติธรรมสำหรับคนในครอบครัว เพราะทุกๆ คนก็รักน้องเท่าๆ กับเรา และเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะสามารถตัดสินใจได้ มีเพียงแค่น้องสาวและคุณพ่อเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินใจได้ ซึ่งตอนนี้น้องสาวเลือกแล้วที่จะไม่ใส่ท่อแน่นอน เราจึงกระซิบบอกหัวหน้าพยาบาล ให้ช่วยติดต่อคุณพ่อผ่านทางวอร์ดด้านบนให้หน่อย เพราะตอนนี้เราอยู่ข้างๆ น้องเพียงคนเดียว ซึ่งหัวหน้าพยาบาลจะไปติดต่อเรียกแพทย์ทางหัวใจให้ด้วย

เพียงครู่เดียวคุณพ่อก็เปลี่ยนชุดคนไข้ออก และขึ้นมาถึงห้องน้องในเวลาเดียวกับที่แพทย์ทางหัวใจมาถึงที่ห้องน้อง แพทย์ทางหัวใจอธิบายให้คุณพ่อฟัง ว่าจะใส่ท่อให้น้องเพื่อน้องจะได้อยู่ต่อไปได้อีก คุณพ่อที่ยังไม่ค่อยหายดีและยังงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคุณพ่อถามแพทย์ทางหัวใจว่า แนะนำว่าอย่างไร แพทย์ทางหัวใจก็อธิบายให้ฟังว่า น้องจะต้องหายใจและให้อาหารทางท่อแล้ว ซึ่งข้อดีน้องจะอยู่ได้นานขึ้น แต่ในอีกแง่มุมนึง น้องก็จะไม่สามารถที่จะอยู่ที่ห้องนี้ ต้องย้ายลงไปที่ ICU และแพทย์ทางหัวใจไม่สามารถรับปากได้ ว่าน้องจะสามารถถอดท่อที่ว่านี้ออกได้อีกเมื่อไหร่ คือน้องจะต้องอยู่ติดกับท่อนี้ตลอดไป ซึ่งคุณพ่อคิดเพียงแต่อยากให้น้องได้อยู่ต่อ คุณพ่อจึงอนุญาตให้น้องใส่ท่อได้ แต่เรายังคงบอกคุณพ่อว่าน้องไม่อยากใส่ท่อ คุณพ่อหันมาบอกเราว่า มันไม่มีทางเลือกแล้ว แพทย์ทางหัวใจบอกให้ญาติออกไปรอนอกห้อง เพราะแพทย์จะใส่ท่อให้น้องและค่อยย้ายลงไปที่ห้อง ICU จากนั้นแพทย์ทางหัวใจและพยาบาลต่างก็กลับเข้าไปที่ห้องพักฟื้นของน้อง

วินาทีนั้น เราและคุณพ่อได้แต่ร้องไห้อยู่หน้าห้องน้อง รู้สึกสงสารน้องมาก แต่ไม่ถึงสามนาที แพทย์ทางหัวใจก็เดินออกมาจากห้องพักฟื้นของน้อง และแพทย์ทางหัวใจก็พูดว่า “ผมเคารพการตัดสินใจของคนไข้ ซึ่งคนไข้บอกว่าไม่ใส่ท่อ และคนไข้ต้องการจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้” แพทย์ทางหัวใจจึงบอกว่า "ผมคงต้องยอมทำตามที่คนไข้ต้องการในเรื่องไม่สอดท่อ แต่การที่จะอนุญาตให้กลับบ้านเลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอาการของคนไข้ยังกลับบ้านไม่ได้" ดังนั้นแพทย์ทางหัวใจจึงเสนอทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะทำได้คือ แพทย์ทางหัวใจจะให้ยานอนหลับและยาแก้ปวดเข้าทางเส้นให้น้อง ซึ่งยาสองตัวนี้จะทำให้น้องสงบลงได้ เพราะ ณ ขณะนั้นน้องต่อต้านการใส่ท่ออยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ยาทุกอย่างนั้นมีทั้งผลดีและผลข้างเคียง ยาสองตัวที่จะใส่นี้จะทำให้ความดันของต่ำลงเรื่อยๆ จนน้องจากไปอย่างสงบ แต่การที่จะถามแพทย์ว่าได้อีกกี่วันนั้น แพทย์ทางหัวใจไม่สามารถตอบได้เพราะขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ เราจึงถามแพทย์ว่าถ้าใส่ยาสองตัวนี้แล้ว ถ้าน้องดีขึ้นเอาออกได้หรือไม่ แพทย์ทางหัวใจไม่ได้ตอบอะไรเรา แต่แพทย์บอกว่า จะใส่ยาสองตัวนี้ให้น้องได้ก็ต่อเมื่อคุณพ่อเซ็นชื่อว่าไม่ใส่ท่อและให้รักษาด้วยวิธีการนี้

หลังจากที่คุณพ่อเซ็นชื่อให้พยาบาลไป และพยาบาลก็ทำการใส่หน้ากากกลับเข้าไปให้น้อง พอดีที่ญาติห่างๆที่เคยเป็นบุรุษพยาบาลมาเยี่ยม ณ ตอนนั้น ญาติเลยช่วยพยาบาลทำให้หน้ากากนั้นแน่นขึ้นโดยที่ไม่มีเสียงรบกวนอีก แต่หน้ากากที่ใส่ก็ยังไม่พอดีกับน้องอยู่ดี เพราะขนาดกลางของเด็กนั้นเล็กเกินไปสำหรับน้อง แต่ขนาดใหญ่ของผู้ใหญ่ก็หลวมไป โดยที่เครื่องอัดลมแต่ละครั้ง ลมก็จะลงที่ด้านล่างและลมออกมาที่คอของน้องด้วย ทำให้น้องเย็นที่คอ จึงต้องหาผ้าพันคอมาพันไว้

เมื่อน้องมั่นใจแล้วว่าจะไม่ใส่ท่อให้น้อง น้องก็จะถามเราว่า “รออะไรอยู่ ทำไมไม่กลับบ้านสักที” เราบอกน้องรอสักครู่ เพราะออกไปตอนนี้ก็รถติดอยู่ดี ขณะนั้นทุกๆ คนในครอบครัวและญาติๆ มาถึงที่โรงพยาบาลกันถ้วนหน้าแล้ว แพทย์ทางปอดแวะมาดูน้องและเพิ่มขนาดของยาให้กับน้อง และเราถามแพทย์ทางปอดว่าจะหยุดยาตัวที่ให้น้องได้เมื่อไหร่ แพทย์ทางปอดบอกว่าให้แบบนี้ไปก่อน แพทย์คีโมก็มาเช่นกัน โดยที่เรียกคุณพ่อไปบอกว่า น้องอาจจะไปภายในวันนี้เลยก็ได้ หรืออาจจะมากกว่านั้นประมาณสามวัน

อีกสักพักน้องก็ยังถามเราอยู่อีก “จะกลับบ้าน นี่รออะไรกันอยู่” เราได้แต่บอกน้องว่าแพทย์ทางหัวใจบอกให้รอให้อีกพักหนึ่งให้แน่ใจก่อนว่าน้องพร้อมที่จะออกได้ วันนั้นน้องถามคำถามนั้นเราทั้งวันจนกระทั่งดึก น้องเริ่มรู้แล้วว่าน้องคงไม่ได้ออกแน่ น้องจึงไม่ได้ถามเราต่อ

ตอนเย็นแพทย์ทางหัวใจมาเยี่ยมน้องอีกครั้ง น้องเริ่มดีขึ้น และแพทย์ทางหัวใจบอกน้องว่า คงจะให้น้องอยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อน น้องอารมณ์ขันยังถามแพทย์ทางหัวใจต่อว่า “พรุ่งนี้จะใส่อะไรเพิ่มอีกมั้ย” แพทย์ทางหัวใจจึงบอกน้องว่ายังไม่ได้คิดว่าจะเพิ่มอะไรในตอนนี้ และแพทย์ก็เดินออกไป โดยที่เราอยู่ข้างๆ น้อง สักครู่เดียว ก็มีน้องมากระซิบบอกเราว่าตั้งแต่พรุ่งนี้แพทย์ทางหัวใจจะไม่อยู่สามวัน ที่น้องรู้เพราะว่าพวกน้องและคุณอาออกไปคุยกับแพทย์ทางหัวใจมา แพทย์ทางหัวใจยังชมน้องสาวว่า “น้องสาวเป็นคนใจเพชรจริงๆ” เราบอกให้ทุกคนเก็บเงียบก่อน เพราะไม่อยากให้น้องสาวเสียกำลังใจในตอนนี้

สักครู่เดียวแพทย์ทางหัวใจกลับเข้ามาหาน้องใหม่ และบอกน้องว่าแพทย์ทางหัวใจจะไม่อยู่เพียงสามวันและจะกลับมาในวันจันทร์นี้ ท่านยังกล่าวขอโทษน้องว่า ขอโทษจริงๆที่ไม่สามารถอยู่ได้ในช่วงเวลานี้ และแพทย์ทางหัวใจจึงออกไป ขณะนั้นเราฝากให้คนช่วยดูน้อง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วในเวลานั้นที่ห้องน้องมีคนมาเยี่ยมเต็มห้องอยู่แล้ว เราวิ่งตามแพทย์ทางหัวใจออกไปถามว่าน้องสาวจะเอายาที่ฉีดเข้าเส้นนี่ออกได้เมื่อไหร่ แพทย์บอกว่าคงยังต้องให้แบบนี้ไปก่อน เราจึงถามต่อว่าใส่ยาแบบนี้แล้วปกติน้องจะอยู่ได้นานแค่ไหน แพทย์ทางหัวใจบอกว่าไม่สามารถบอกระยะเวลาได้ ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้เอง เราจึงบอกแพทย์ทางหัวใจไปว่า แพทย์คีโมบอกว่าน้องคงอยู่ไม่เกินคืนนี้ แพทย์ทางหัวใจบอกว่าแพทย์ยืนยันไม่ได้ เพราะบางคนก็อยู่ได้เพียงหนึ่งวัน บางคนอยู่ได้ถึงสามวัน และบางคนอยู่ได้ถึงอาทิตย์กว่า

เนื่องจากที่เราไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว และช่วงนี้เป็นวันหยุดยาว น้องชายสองคนเลยอาสามาเฝ้าน้องให้ในคืนนั้น โดยที่สองคนจะไม่นอนนั่งเฝ้าน้องทั้งคืน และให้เราไปพักผ่อนบ้างเพื่อจะได้สลับเฝ้าตอนกลางวันแทน เราจึงลากที่นอนมาวางข้างๆ เตียงน้องสาวและนอนอยู่ข้างๆ น้อง น้องชายสองคนเล่าให้ฟังภายหลังว่า คืนนั้นน้องสาวถามหาเราเหมือนเคย แต่น้องชายบอกว่าเรานอนอยู่ข้างๆ และน้องชายสองคนจะเฝ้าเอง ไม่ต้องเป็นห่วง น้องสาวจึงไม่กังวลและนอนบ้างไม่นอนบ้างทั้งคืน แต่ตัวเลขของการเต้นหัวใจ ความดันและออกซิเจนในเลือดของน้องถือว่าใช้ได้ตลอดทั้งคืน

*** ยาที่แพทย์ให้กับน้องนั้นก็คือยานอนหลับอย่างแรก ที่มีชื่อว่า Domicum จัดเป็นยา นอนหลับที่ออกฤทธิ์เร็ว ใช้เวลาประมาณ 10 - 30 นาทีหลังจากทานยา และยังจัดเป็นยาที่ต้องควบคุมการใช้เป็นพิเศษ เนื่องจากถูกจัดให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 การใช้จะต้องให้แพทย์สั่งที่โรงพยาบาลเท่านั้น เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด

Quote:

Domicum เป็นชื่อทางการค้าของยานอนหลับชนิดหนึ่ง มีชื่อทางเคมีว่า มิดาโซแลม(Midazolam) ถูกดูดซึมได้ดีที่สุดจากทางเดินอาหารเมื่อเทียบกับยานอนหลับตัวอื่นๆ มีประสิทธิผลในการรักษาอาการนอนไม่หลับ ควรใช้ยาเพียงระยะเวลาสั้นๆ และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ตัวยาออกฤทธิ์สงบประสาท ทำให้นอนหลับและมีฤทธิ์ทำให้สูญเสียความทรงจำชั่วขณะ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ง่วงซึม เดินเซ หากได้รับยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะพึ่งยาทั้งทางร่างกายและจิตใจได้ และเมื่อหยุดยากระทันหันอาจก่อให้เกิดอาการถอนยาคือ อาการนอนไม่หลับ หากฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำอาจกดการหายใจ และทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ อาจทำให้เกิดอาการซึมมาก หลับนานผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน การตอบสนองลดลง สับสน ไม่รู้สึกตัว

ที่มา

แสดงความคิดเห็น

Filtered HTML

  • To post pieces of code, surround them with <code>...</code> tags. For PHP code, you can use <?php ... ?>, which will also colour it based on syntax.
  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • You may quote other posts using [quote] tags.
  • Allowed HTML tags: <a> <em> <strong> <cite> <blockquote> <code> <ul> <ol> <li> <dl> <dt> <dd>
  • Lines and paragraphs break automatically.

Comment Input

  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • Allowed HTML tags: <a> <em> <strong> <cite> <code> <ul> <ol> <li> <dl> <dt> <dd> <p> <img> <center> <font> <u> <br/>
  • Lines and paragraphs break automatically.

Plain text

  • No HTML tags allowed.
  • Web page addresses and e-mail addresses turn into links automatically.
  • Lines and paragraphs break automatically.